1. การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาสังคมศึกษา
เรื่อง แผนที่ โดยใช้บทเรียนชุดสื่อประสม สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
กลุ่มเป้าหมายในการวิจัยในชั้นเรียนนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่
4 จำนวน 159 คน โรงเรียนทุ่งตะโกวิทยา อำเภอทุ่งตะโก
จังหวัดชุมพร ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2553)
ข้อเสนอแนะการนำไปใช้
1.
บทเรียนชุดสื่อประสมที่ผลิตขึ้นควรมีการปรับปรุงหลายๆ ครั้งโดยควรทดลองกับนักเรียนที่มีพื้นฐานความรู้ที่แตกต่างกันเพื่อจะได้ปรับปรุงแก้ไขให้บทเรียนชุดสื่อประสมมีประสิทธิภาพมากขึ้น
2. ครูควรตระหนักถึงรายละเอียดเนื้อหาในบทเรียนชุดสื่อประสมให้เหมาะสมกับวัยของผู้เรียนเพื่อให้บทเรียนชุดสื่อประสมเกิดประสิทธิภาพมากที่สุด
ข้อเสนอแนะในการวิจัยครั้งต่อไป
1.
ควรนำบทเรียนชุดสื่อประสมไปเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้วยวิธีการสอนแบบอื่นๆ
2. ในการใช้สื่อเทคโนโลยีทางการศึกษานั้นควรคำนึงถึงความเข้าใจและความรู้ที่นักเรียนได้รับควบคู่ไปกับความสนใจของนักเรียนเพื่อเป็นการช่วยเพิ่มผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนให้สูงยิ่งขึ้น
แหล่งอ้างอิงข้อมูล http://www.vcharkarn.com/vcafe/190934
2. .การเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนสังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 ที่สอนโดยวิธีการสร้างศรัทธาโยนิโสมนสิการ
กับวิธีการสอนแบบปกติ
แหล่งอ้างอิงข้อมูล http://grad.vru.ac.th/pdf-journal/JourTs43/14-Surin.pdf
3. การพัฒนาบทเรียนสไลด์อิเล็กทรอนิกส์ เรื่องประเพณีและวัฒนธรรมของชุมชนวัดม่วง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาราชบุรี เขต 2
แหล่งอ้างอิงข้อมูล
http://www.thapra.lib.su.ac.th/thesis/showthesis_th.asp?id=0000004269
4.การเปรียบเทียบผลการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรมเรื่องภูมิศาสตร์ประเทศไทยของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1ระหว่างการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ4MAT และการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้แผนผังความคิด
แหล่งอ้างอิงข้อมูลhttp://khoon.msu.ac.th/auth/reader/web/index.php?pdf=%2Ffull137%2Fianthong131772%2Ftitlepage.pdf&refid=ov76m8vjqlc6ek44qkp904l1j0
5. การเปรียบเทียบผลการเรียนรู้ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1เรื่อง คุณธรรมจริยธรรม กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษาศาสนา และวัฒนธรรม ระหว่างการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน และโดยใช้สถานการณ์จำลอง
แหล่งอ้างอิงข้อมูล http://grad.vru.ac.th/pdf-journal/JourTs43/14-Surin.pdf
3. การพัฒนาบทเรียนสไลด์อิเล็กทรอนิกส์ เรื่องประเพณีและวัฒนธรรมของชุมชนวัดม่วง สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาราชบุรี เขต 2
แหล่งอ้างอิงข้อมูล
http://www.thapra.lib.su.ac.th/thesis/showthesis_th.asp?id=0000004269
4.การเปรียบเทียบผลการเรียนรู้กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรมเรื่องภูมิศาสตร์ประเทศไทยของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1ระหว่างการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบ4MAT และการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้แผนผังความคิด
แหล่งอ้างอิงข้อมูลhttp://khoon.msu.ac.th/auth/reader/web/index.php?pdf=%2Ffull137%2Fianthong131772%2Ftitlepage.pdf&refid=ov76m8vjqlc6ek44qkp904l1j0
5. การเปรียบเทียบผลการเรียนรู้ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1เรื่อง คุณธรรมจริยธรรม กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษาศาสนา และวัฒนธรรม ระหว่างการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน และโดยใช้สถานการณ์จำลอง
ข้อเสนอแนะในการวิจัยครั้งต่อไป
2.1
ควรมีการวิจัยวิธีจัดการเรียนรู้แบบใช้สถานการณ์จำลองกับวิธีการเรียนรู้แบบอื่น
เพื่อเปรียบเทียบความแตกต่างของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนความฉลาดทางอารมณ์ และ
ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ 2.2 ควรศึกษาความพึงพอใจหรือเจตคติของผู้เรียนที่มีต่อวิธีจัดการเรียนรู้ทั้งสองแบบว่ามีความพึงพอใจหรือมีเจตคติต่อวิธีการเรียนรู้อยู่ในระดับใด
2.3 ควรมีการวิจัยเปรียบเทียบระหว่างรูปแบบใช้ปัญหาเป็นฐานกับรูปแบบใช้สถานการณ์จำลองในกลุ่มตัวอย่างในระดับชั้นอื่น เพื่อจะได้คำตอบที่ชัดเจนยิ่งขึ้นว่า รูปแบบใด เหมาะสมกับนักเรียนกลุ่มใด ระดับใด
และสถานศึกษาใดมากกว่ากัน
แหล่งอ้างอิงข้อมูลhttp://khoon.msu.ac.th/auth/reader/web/index.php?pdf=%2Ffull137%2Fianthong131772%2Ftitlepage.pdf&refid=ov76m8vjqlc6ek44qkp904l1j0
6. การเปรียบเทียบผลการเรียน เรื่องภูมิศาสตร์
กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ระหว่างการสอนบนเว็บแบบจำลองสถานการณ์กับการสอนปกติ
ขอเสนอแนะ
1. ขอเสนอแนะสําหรับการนําไปใช
1.1 การจัดกจิกรรมการเรียนรูโดยใชบทเรยีนบนเว็บแบบจําลองสถานการณใหไดผลดี ควรสงเสริมใหนักเรยีนไดเรียนรูดวยตนเอง จึงจะสงผลใหบทเรียนบนเว็บเกดิประโยชนมากที่สดุ
1.2 กอนที่จะจัดกิจกรรมการเรียนรูโดยใชบทเรียนบนเวบ็แบบจําลองสถานการณ ควรมี การแนะนําใหนักเรียนเกดิความเขาใจในวธิีการเรียนกอน เพราะนักเรยีนจะไมเกิดความสับสน เพราะ วิธีการจัดกิจกรรมการเรียนรดูังกลาวเปนเรอื่งใหมสาํหรับนักเรียนถานักเรียนไมเขาใจในวิธีการเรยีนอาจสงผลใหนกัเรียนไมประสบผลสําเร็จในการเรียน
1.3 ควรมีการสอดแทรกคุณธรรมใหกับนกัเรียนในการเรียนรูจากบทเรียนบนเว็บ ในเรื่อง ความรับผิดชอบความซื่อสัตย ความตรงตอเวลา เขาไปดวยเพอื่ใหผูเรียนมีคณุลักษณะอันพึงประสงค
1.4 ในการจดัการเรียนการสอนดวยบทเรียนบนเวบ็ นอกจากผูเรียนจะไดรับความรทูี่มี อยูในบทเรยีนโดยตรงแลว ผูวิจัยควรเพิ่มเติมดวยการบรรจุ เนื้อหาวิชาที่ เกี่ยวของกบัเนื้อหาวิชา ในบทเรียน เพื่อใหผูเรียนสามารถสืบคนความรูเพิ่มเตมิเปนการสงเสริมการเรียนรูของผูเรียนให กวางขวางยิ่งขนึ้
2. ขอเสนอแนะในการทําวิจยัครั้งตอไป
2.1 ควรวิจยัเพื่อศึกษาผลของการใชบทเรียนบนเวบ็สําหรับนักเรยีนที่มรีะดับสติปญญา ต่ํา หรือสมาธิสั้น เพื่อจะไดแกปญหานักเรียนที่มีคุณลักษณะดังกลาว ใหสามารถเกดิการเรียนรไูด
2.2 ควรมีการวิจัยปญหาและผลกระทบจากการเรียนดวยบทเรียนบนเวบ็ของผูเรียนที่มี คณุลักษณะแตกตางกัน 2.3 ควรมีการวิจัยเปรียบเทยีบระหวางการสอนโดยใชบทเรียนบนเว็บกับการสอนโดย ใชนวัตกรรมอื่น ๆ
2.4 ควรมีการสรางและพัฒนาบทเรียนบนเว็บในเนื้อหาอื่นที่เปนปญหา และในกลุมสาระการเรียนรูอื่น ๆ
แหล่งอ้างอิงข้อมูล
http://khoon.msu.ac.th/full126/nicom12454/titlepage.pdf
7. รายงานการใช้ชุดการสอนคิดแบบโยนิโสมนสิการกลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
ขอเสนอแนะ
1. ขอเสนอแนะสําหรับการนําไปใช
1.1 การจัดกจิกรรมการเรียนรูโดยใชบทเรยีนบนเว็บแบบจําลองสถานการณใหไดผลดี ควรสงเสริมใหนักเรยีนไดเรียนรูดวยตนเอง จึงจะสงผลใหบทเรียนบนเว็บเกดิประโยชนมากที่สดุ
1.2 กอนที่จะจัดกิจกรรมการเรียนรูโดยใชบทเรียนบนเวบ็แบบจําลองสถานการณ ควรมี การแนะนําใหนักเรียนเกดิความเขาใจในวธิีการเรียนกอน เพราะนักเรยีนจะไมเกิดความสับสน เพราะ วิธีการจัดกิจกรรมการเรียนรดูังกลาวเปนเรอื่งใหมสาํหรับนักเรียนถานักเรียนไมเขาใจในวิธีการเรยีนอาจสงผลใหนกัเรียนไมประสบผลสําเร็จในการเรียน
1.3 ควรมีการสอดแทรกคุณธรรมใหกับนกัเรียนในการเรียนรูจากบทเรียนบนเว็บ ในเรื่อง ความรับผิดชอบความซื่อสัตย ความตรงตอเวลา เขาไปดวยเพอื่ใหผูเรียนมีคณุลักษณะอันพึงประสงค
1.4 ในการจดัการเรียนการสอนดวยบทเรียนบนเวบ็ นอกจากผูเรียนจะไดรับความรทูี่มี อยูในบทเรยีนโดยตรงแลว ผูวิจัยควรเพิ่มเติมดวยการบรรจุ เนื้อหาวิชาที่ เกี่ยวของกบัเนื้อหาวิชา ในบทเรียน เพื่อใหผูเรียนสามารถสืบคนความรูเพิ่มเตมิเปนการสงเสริมการเรียนรูของผูเรียนให กวางขวางยิ่งขนึ้
2. ขอเสนอแนะในการทําวิจยัครั้งตอไป
2.1 ควรวิจยัเพื่อศึกษาผลของการใชบทเรียนบนเวบ็สําหรับนักเรยีนที่มรีะดับสติปญญา ต่ํา หรือสมาธิสั้น เพื่อจะไดแกปญหานักเรียนที่มีคุณลักษณะดังกลาว ใหสามารถเกดิการเรียนรไูด
2.2 ควรมีการวิจัยปญหาและผลกระทบจากการเรียนดวยบทเรียนบนเวบ็ของผูเรียนที่มี คณุลักษณะแตกตางกัน 2.3 ควรมีการวิจัยเปรียบเทยีบระหวางการสอนโดยใชบทเรียนบนเว็บกับการสอนโดย ใชนวัตกรรมอื่น ๆ
2.4 ควรมีการสรางและพัฒนาบทเรียนบนเว็บในเนื้อหาอื่นที่เปนปญหา และในกลุมสาระการเรียนรูอื่น ๆ
แหล่งอ้างอิงข้อมูล
http://khoon.msu.ac.th/full126/nicom12454/titlepage.pdf
7. รายงานการใช้ชุดการสอนคิดแบบโยนิโสมนสิการกลุ่มสาระการเรียนรู้ สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
ผลการศึกษาครั้งนี้สอดคล้องกับงานวิจัยที่มีผู้ดำเนินการศึกษาไว้ อาทิ
สร้อยสุดา มาดี (2551
: บทคัดย่อ) ได้ทำการวิจัยเรื่อง
ผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ระหว่างการเรียนรู้ตามแนวคิดโยนิโสโยนิโสมนสิการและตามแนวทฤษฎีพหุปัญญา
ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดโยนิโสมนสิการและตามแนวทฤษฎีพหุปัญญา ผลการวิจัยปรากฏว่า
ผลการใช้แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดโยนิโสมนสิการและตามแนวทฤษฎีพหุปัญญา
เป็นวิธีสอนที่มีแนวคิดว่าการเรียนรู้เกิดจากปัญญา เน้นการแก้ปัญหาตามศักยภาพของนักเรียน
ทำให้นักเรียนมีพัฒนาการคิด
ครูวิทยาศาสตร์สามารถนำแผนเหล่านี้ไปใช้จัดการเรียนการสอน
เพื่อให้ผู้เรียนบรรลุผลตามจุดประสงค์ของรายวิชาต่อไป พระมหาประทีป เกสรอินทร์ (2550 : บทคัดย่อ) ทำการวิจัยเรื่องผลการเรียนรู้โดยวิธีการสอนแบบสร้างศรัทธาและโยนิโสมนสิการ เรื่องไตรสิกขา กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา
ศาสนาและวัฒนธรรมชั้นประถมศึกษาปีที่ 5
เพื่อศึกษาผลการเรียนรู้ของนักเรียนที่เรียนโดยวิธีการสอนแบบสร้างศรัทธาและโยนิโสมนสิการ ผลการศึกษาค้นคว้าปรากฏว่า แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้
โดยวิธีการสอนแบบสร้างศรัทธาและโยนิโสมนสิการ เรื่อง ไตรสิกขา
มีประสิทธิภาพและประสิทธิผลเหมาะสม นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนรู้เพิ่มขึ้น
นักเรียนมีความพึงพอใจต่อกิจกรรมการจัดการเรียนรู้อยู่ในระดับมาก ดังนั้นแผนการจัดการเรียนรู้
โดยวิธีการสอนแบบสร้างศรัทธาและโยนิโสมนสิการ เรื่องไตรสิกขา
กลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5
ที่พัฒนาขึ้นนี้เหมาะสมที่จะนำไปจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา
ศาสนา และวัฒนธรรมต่อไป
การนำหลักโยนิโสมนสิการมาประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนรู้นั้นส่งผลให้เกิดการเรียนรู้ที่มีลำดับขั้นตอน
ส่งผลดีต่อผลการเรียนของนักเรียน
โดยเฉพาะแนวคิดแบบคุณ – โทษ และทางออก ซึ่งเน้นกระบวนการวิเคราะห์
ซึ่งเป็นขั้นหนึ่งของการพัฒนาองค์ความรู้ที่ทำให้นักเรียนมีทักษะการคิดวิเคราะห์ ส่งผลต่อผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่สูงขึ้นด้วย
แหล่งอ้างอิงข้อมูล http://www.kroobannok.com/blog/26259
8.การพัฒนารูปแบบการเรียนแบบผสมผสานโดยใช้เครื่องมือทางปัญญาเพื่อพัฒนาทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ
ผลการวิจัย
พบว่า
1. องค์ประกอบของรูปแบบการเรียนการสอนประกอบด้วยองค์ประกอบสำคัญ 4 องค์ประกอบคือ 1) หลักการของรูปแบบการเรียนการสอน 2)
วัตถุประสงค์ของรูปแบบการเรียนการสอน 3) กระบวนการเรียนการสอน
และ 4) การวัดและประเมินผล; วัตถุประสงค์ของรูปแบบ
คือ เพื่อพัฒนาทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ; กระบวนการเรียนการสอน
แบ่งออกเป็น 2 ขั้นตอน คือ 1) ขั้นการเตรียมการก่อนการเรียนการสอน
และ 2) ขั้นการจัดกระบวนการเรียนการสอน; การวัดและประเมินผลใช้การวัดพัฒนาการของทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณและการประเมินตามสภาพจริง
แหล่งอ้างอิงข้อมูล http://journal.oas.psu.ac.th/index.php/asj/article/view/48
9. Multimedia and Embedded Technologies Group (MET)
9. Multimedia and Embedded Technologies Group (MET)
10. การพัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้
เรื่อง ศาสนพิธีกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม
สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4
แหล่งอ้างอิงข้อมูล http://www.edu.nu.ac.th/selfaccess/researches/view_is.php?id=378
แหล่งอ้างอิงข้อมูล http://www.edu.nu.ac.th/selfaccess/researches/view_is.php?id=378
ค
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น